Sunday, May 5, 2024
เที่ยวไปรักษ์ไป บทความแนะนำ

เที่ยวทะเลพม่า หลังเปิดประเทศ

นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 17
เรื่อง/ ภาพ: นภันต์ เสวิกุล

เที่ยวทะเลพม่า

หลังเปิดประเทศ

ผมเคยสงสัยและถามตัวเองเสมอๆ ว่า “คนพม่าเขา ไม่เที่ยวทะเลกันหรือไร?” เพราะไม่ว่าจะได้ไปเที่ยวใกล้ เที่ยวไกลแถวๆ ชายทะเลในประเทศนั้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ เรียกเมียนมาร์อย่างเดี๋ยวนี้ ก็ไม่เคยเห็นคนพม่าลงนอน อาบแดด หรือนุ่งโสร่งวิ่งโทงๆ ลงทะเลในที่ไหนๆ เหมือน อย่างที่คนไทยเที่ยวบางแสน ซึ่งก็เห็นว่าแปลกอยู่ เพราะ พม่าทั้งประเทศนั้นอยู่ติดทะเลอันดามัน ทะเลเดียวกับ ภูเก็ต กระบี่ของเรานี่แหละ ดังนั้น จึงเชื่อขนมกินได้ว่า น้ําทะเลต้องสวยไม่แพ้กัน แล้วผู้คนก็น่าจะชินทะเล

พม่า ติดทะเลด้านตะวันตกฝั่งเดียว แต่มีชายฝั่งยาวเหยียดตั้งแต่ทะเลอันดามันแถวๆ จังหวัดระนอง เลยเข้าไปในอ่าวเบงกอล คือพ้นเชียงใหม่ขึ้นไปไหนๆ ยังคงความพิสุทธิ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง และมั่งคั่งด้วยทรัพยากรธรรมชาติ

และนอกจากไม่เที่ยวแล้ว ก็ยังพบว่าพม่า แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์จากทะเลเลย เรือ ประมงสักลําก็แทบจะไม่มี สมัยไปดําน้ําใน ทะเลพม่ายุคแรกๆ ตกกลางคืนนี่เล่นเอา ปอดแหก มองไปทางไหนก็มืดตื้อ ไม่สว่างโพลงไปทั้งทะเลด้วยเรือไดหมึกอย่างบ้านเราเรือรบทหารเรือก็ใช้เรือที่ยึดไปจากเรือประมงบ้านเราที่ลักลอบเข้าไปจับปลาในบ้านเขา พอทาสีเทา ติดปืนหัวเรือเข้าก็กลายเป็นเรือรบ ออกไปลาดตระเวนที่ไหนก็จะขนครอบครัวไป ทํากับข้าวให้กิน

หิน Black Rock วันนี้ยังเป็นจุดเหนือสุดที่เขายอมให้เข้าไปดําน้ํา (ถ้าเริ่มต้นจากจังหวัดระนอง)เต็มไปด้วยปลาใหญ่สารพัดชนิด

ภาพบ้านๆ แบบนี้ ผมคุ้นอยู่ หลายปีสมัยไปท่องเที่ยวดําน้ําที่มีชื่อเสียง ที่สุดของพม่า ที่ปรมาจารย์และตํานานการ จํานํา JACQUE COUSTEAU นําเรือ CALYPSO ของท่านไปสํารวจแหล่งดําน้ํานี้ จนเป็นที่รู้จัก กันในชื่อ เบอร์มา แบงก์ (BURMA BANK) ที่ มีสัณฐานคล้ายภูเขายอดตัดลูกย่อมๆ โดย ยอดทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ํา เป็นที่อยู่ของสารพัด ฉลาม เรียกว่าใครอยากไปดูฉลามก็ต้องไปดู ที่นั่น และถ้าอยากจะดูให้มัน ถึงใจ สะใจ ก็มัก ซื้อปลาสดใส่ลังไปป้อน (SHARK FEEDING) ให้มันเข้ามาหาเราใกล้ๆ มากินจากมือเลย ทีเดียว เวลาลงไปดู นักดําน้ําก็ตัวสั่นงันงก หันหลังพิงปะการังกันเป็นกระจุก รอบๆ ตัวมีแต่ฉลามหูดํา หูขาว ฉลามสีเงิน และฉลาม นางพยาบาลตัวโตๆ ขนาดสักสองเมตรว่าย กันขวักไขว่ให้เราใจหายใจคว่ํา

Secret Island ในปีแรกที่เห็นทางเข้า สู่อ่าวเล็กๆ ด้านในของเกาะจะถูกปิด หมดในยามนําขึ้น จึงคงความลึกลับ และความงามของทะเลพม่าที่ยังปราศจากผู้มาเยือน

BURMA BANK รุ่งเรืองอยู่ไม่นาน พม่า ก็ห้ามเข้าไปเที่ยวในช่วงที่เขารบพุ่งมีปัญหา ในประเทศกัน ครั้นเปิดให้กลับเข้าไปเที่ยว ใหม่ ฉลามก็ไม่เหลือให้เห็นสักเท่าไร ผู้คนก็ เลยซาๆ ไป หันไปดําน้ํากันแถบเมืองทวาย (MERGUI ARCHIPELAGO) ที่เขาเปิดให้ เข้าไปดําน้ําตั้งแต่พ้นระนองไปหน่อย แล่นเรือ ขึ้นเหนือเรื่อยไปจนถึงแถบจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ที่เรียกว่า BLACK ROCK เป็นจุดที่ ไกลสุด ซึ่งการเข้าไปท่องเที่ยวดําน้ําอย่าง ที่ว่านี้ล้วนต้องไปตั้งต้นที่เกาะสองของพม่าไปจ่ายเงินค่าเข้าประเทศ ค่าธรรมเนียมดําน้ํา ซึ่งก็ไม่ใช่ถูกนะครับ ตกคนละเกือบ 90,000 บาท (บ้านเราเสีย ๒๐๐ กว่าบาทสําหรับคนไทย และ ๔๐๐ สําหรับชาวต่างชาติ)

กระทั่งเมื่อสักสองปีก่อน ผมไปดําน้ําใน พม่า บังเอิญลมแรงก็เลยหาที่ดําน้ําง่ายๆ แถวๆ นั้น จึงโฉบเรือไปที่ SECRET ISLAND ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ด้านทิศตะวันออก มีโพรง หินเล็กๆ สามารถลอดเข้าไปได้ตอนน้ําลง ก็ เลยเอาเรือยางแล่นเข้าไป พอเห็นเข้าก็ตกตะลึงจังงัง อุแม่เจ้า เพราะข้างในเป็น ทะเลสาบเล็กๆ น้ําทะเลสีฟ้าสวย แถมตรง ปากทางมีหอยมือเสือตัวเป้งคุมเชิงผู้บุกรุกอยู่ งดงามเหลือใจ ผมอุตส่าห์ภาวนาว่า “เพียง ขออย่าให้ใครได้มาพบพานที่นี่เลย” เพราะ เชื่อว่าถ้าเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มอัตราศึก เมื่อไร เห็นทีว่าสองปีน่าจะหมด!!

ทะเลในของ Secret Island ในยามน้ำลง วันนี้มีผู้มาเยือนวันละหลายร้อยคน และยังเป็นความตั้งใจของผู้รับสัมปทานเกาะนี้ที่จะควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด

ปีถัดมา ผมกลับมาที่นี่อีก เพื่อที่จะพบว่า เจ้าหอยมือเสือสองตัวไม่อยู่แล้ว ส่วนด้านนอกงดงามยิ่งขึ้นไปอีกด้วยสร้อยสีเงินโอบล้อมบริเวณผิวน้ํารอบเกาะอยู่เส้นเบ้อเริ่มนั่นคือฝูงปลาแองโชวีนับล้านๆ ตัว เห็นแล้วเปรี้ยวปากขึ้นมาในบัดดล แต่กระแสน้ําที่เชี่ยวกรากและลมแรงในวันนั้นทําให้ผมพลาดจากการเข้าไปสํารวจในอ่าวด้านใน กระทั่งใน ปีนี้จึงได้กลับไปอีก ๒ ครั้ง พบว่า SECRET ISLAND กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ไปแล้วเรียบร้อย มีชื่อเสียงใหม่ในชื่อเกาะ ค็อกคอม เกาะหัวใจมรกต และแฟนนานุแฟน ที่เข้าไปอุดหนุนก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เป็น นักท่องเที่ยวชาวไทยของเรานี่เอง โดยมี สนนราคาของค่าบริการเข้าไปท่องเที่ยวดําน้ํา แบบเช้าไป-เย็นกลับอยู่ในราคาระหว่าง ๓,๕๐๐-๕,๐๐๐ บาทสําหรับการเดินทางด้วย เรือสปีดโบตลําใหญ่ ค่าผ่านแดน และอาหาร ๒ มื้อ

พร้อมทั้งได้ลงสนอร์เกิล ชมปะการัง น้ําตื้นที่เกาะหัวใจมรกตแห่งนี้และเกาะอื่นๆ อีก ๒-๓ เกาะ เช่น เกาะเกือกม้า เกาะมุเตา โดยมีเกาะตาฟุกเป็นเกาะหลักของการท่อง เที่ยวในแถบนี้ที่เขาพานักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งไป พักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวัน เพราะ เป็นเกาะที่มีชายหาดสวยงาม ขาว ใส ทราย เป็นปุย ใช้ได้เลย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบของบริเวณนี้ก็ว่าได้ ส่วนการให้บริการพิเศษที่ผมถือว่าแซงทาง โค้งทุกบริการบนเกาะในประเทศไทยก็คือ เขา มี FREE WI-FI แรงปรี๊ดไว้ให้ใช้ไม่อั้นสําหรับ นักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะมาแบบไปเช้า- เย็นกลับ หรือพักค้างคืนบนเกาะ ซึ่งมีบริการ ห้องพักในรูปแบบของเต็นท์หรูหรา ข้างในมี ที่นอน มีพัดลม ปลั๊กไฟชาร์จแบตเตอรี่กล้อง ถามเขาว่าใครมาพัก เขาก็ว่า ใครก็ได้ที่ ต้องการมาพักผ่อนแบบนานวันหน่อยและต้องการดําน้ําลึกบริเวณเกาะข้างเคียงสัก หลายๆ วัน และที่น่าจะกลายเป็นจุดขายที่โดด เด่นกว่า “ปูไก่” ของเกาะตาชัย ก็น่าจะเป็น บริเวณหาดเล็กด้านทิศเหนือที่มีเต่าขึ้นไข่เป็น จํานวนมากด้วยความที่ยังเป็นทะเลบริสุทธิ์อยู่เป็นอย่างมาก

ครั้นสอบถามเจ้าของกิจการถึงความ นิยมของผู้มาเที่ยว ก็ได้รับคําตอบว่าในเดือน มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการประมาณ ๕,๐๐๐ คน ซึ่ง(น่าจะ) เป็นที่น่าพอใจสําหรับ ทุกๆ ฝ่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน สําหรับการดําเนินกิจกรรมในปีแรก เอกชน นั้นไม่ต้องพูดถึงละ เพราะเช้าขึ้นมาผมก็เห็น นักท่องเที่ยว DAY TRIP นั่งรถมาลงที่ท่าเรือ ระนองเป็นสายทีเดียว ส่วนรัฐบาลเมียนมาร์ก็ได้ค่าธรรมเนียมสําหรับค่าผ่านแดนและ ค่าลงดําน้ําวันเดียวไปหัวละกว่า ๖๐๐ บาท

เกาะตาฟุก ศูนย์กลางการ ท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงแรกหลังพม่าอนุญาตให้มีการท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ คุณภาพของน้ําทะเล หาดทราย และสิ่งแวดล้อม ยังถือได้ว่า อยู่ในสภาพเยี่ยม และพร้อมรองรับการมาพักแรม แบบไม่มีอาคารถาวร

(สูงกว่าค่าธรรมเนียมอุทยานฯ ในประเทศไทย ราว ๔ เท่า) ส่วนภาคประชาชนก็น่าจะเป็นที่ พอใจกันทั้งสองฝั่งประเทศ เพราะจังหวัด ระนองก็คึกคัก เกาะสองก็หนาแน่น นักท่อง เที่ยวเองก็มีความสุข

รอยยิ้มใสๆ การทํากะปิน้ําปลา ปลาแห้ง ยังคงสอดแทรกอยู่ระหว่างรีสอร์ตหรูใน งาปาลี… อย่างนี้ จะไปสู้เขาได้อย่างไร

เมืองชายทะเลอีกแห่งที่ไปอยู่มาหลายวัน อย่างประทับใจยิ่งก็คือ เมืองงาปาลี (NGA- PALI) เป็นเมืองท่องเที่ยวริมอ่าวเบงกอล อยู่ ห่างจากย่างกุ้งไปทางทิศตะวันตกเพียงครึ่ง ชั่วโมงบิน ซึ่งก็ต้องถือว่าอยู่ค่อนไปทางเหนือ แล้วละ รู้สึกพิลึกๆ อยู่เหมือนกันว่าอยู่ในแนว เดียวกับจังหวัดลําปางโน่น เป็นเมืองชายทะเลที่มีความผสมผสานระหว่างเก่ากับใหม่ได้ อย่างลงตัว เป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลที่มี

งาปาลี เมืองชายทะเลในอ่าวเบงกอลที่มีชื่อเสียงที่สุดของพม่า บินสั้นๆ ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงไม่ว่าจากย่างกุ้งหรือเนปิดอว์ก็ได้สัมผัสบรรยากาศริมทะเลงาม

ชายหาดยาวเกือบ ๒๐ กม. มีสนามบินของตัวเอง มีโรงแรม รีสอร์ตสวยๆ ทั้งที่เป็นธุรกิจของคนพม่าเอง และเป็นโรงแรมในเครือ นานาชาติ แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ค่าห้องพัก ก็แพงหูตูบ คือเกินกว่าคืนละ ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ บาทขึ้นไปทั้งนั้น แต่ถึงค่าที่พักจะแพงขนาด นั้น แค่เดินข้ามถนนมาร้านอาหารที่ชาวบ้าน มาเปิดขาย เป็นร้านอาหารทะเลเล็กๆ ขนาด ๕-๖ โต๊ะ มีผ้าปูโต๊ะ เทเบิลเซ็ตหรูหราอย่าง ร้านฝรั่ง และมีอยู่นับสิบนับร้อยแห่ง อาหาร สดใหม่จากทะเลทุกวัน แต่ราคาอาหารถูก อย่างเหลือเชื่อ กิน ๔ คนเต็มคราบทั้งกุ้งและ ปลา ไม่มีไวน์ ราคาเพียง ๕๐๐-๖๐๐ บาท ทุกมื้อ

วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่แทบจะหมดไปจากทุกชุมชน ริมฝั่งทะเลในบ้านเรา ยังคงพบเห็นได้ทุกหนแห่งในพม่า

นับได้ว่า ประเทศเมียนมาร์ “เริ่มแล้ว” ที่ จะเปิดโลกทะเลเพื่อการท่องเที่ยว และโดยความเป็นจริงแล้วเขามีศักยภาพสูงมาก ผม ได้ข่าวเหมือนกันที่จะมีการเปิดสัมปทานทั้งเพื่อทํารังนกและเพื่อการท่องเที่ยว รังนกน่ะรู้สึกเฉยๆ เพราะไม่ว่าที่ไหนเขาก็ห้ามผู้คน เข้าไปยุ่มย่าม แต่เกาะเพื่อการท่องเที่ยวนี่หวาดเสียวเล็กน้อย เพราะพม่ามีเกาะเยอะ บางเกาะใหญ่โตขนาดเกาะช้าง เกาะพะงัน มีอ่าวเล็กอ่าวน้อย บางเกาะเครื่องบินน้ําลงได้

เชื่อว่า อีกสัก ๒-๓ ปี การท่องเที่ยวทาง ทะเลของเมียนมาร์น่าจะเป็นคู่แข่งที่สําคัญ ของภูเก็ต พังงา กระบี่ เมื่อเขากําลังเร่ง ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและโลจิสติกส์ ให้พร้อมสรรพ เฉพาะอย่างยิ่ง การขยาย สนามบินทั้งที่เกาะสอง ทวาย และงาปาลี ซึ่ง ถ้าเสร็จสิ้นเมื่อไรละก็ คงแข่งขันกันสนุก… คิดแล้วหนาวแทนผู้ประกอบการบ้านเรา!!

About the Author

Share:
Tags: travel / ทะเล / เที่ยว / ท่องเที่ยว / vacation / ฉบับที่ 17 / พม่า /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ