ความจริงของปราสาทเขาพระวิหาร

ยังจำได้ว่ารู้สึกเสียดายมาก เมื่อได้มารู้ทีหลังว่าปราสาทเขาพระวิหารนั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนของไทย เพราะศาลโลกได้ตัดสินให้ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ก่อนผมจะเกิดด้วยซ้ำไป

         ปราสาทพระวิหารอยู่ในดินแดนของกัมพูชาอีกด้วย โชคร้ายที่รัฐบาลสยามในขณะนั้นไม่ได้มีการรับรองหรือทักท้วงความถูกต้องของแผนที่ดังกล่าว ทำให้ต่อมาถูกกล่าวอ้างว่า ไทยยอมรับให้ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชาที่อยู่ใต้ปกครองของฝรั่งเศสกระทั่งในปี พ.ศ. 2483 จอมพล ป. พิบูล สงคราม นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย ได้ยื่นข้อเสนอเรียกร้องดินแดนที่เสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5 คืนจากฝรั่งเศส เพราะเห็นว่าฝรั่งเศสเพิ่งพ่ายแพ้สงครามกับเยอรมนีกำลังอ่อนแอ เมื่อฝรั่งเศสปฏิเสธ ไทยก็ยกกองทัพเข้าโจมตีดินแดนอินโดจีนของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2484 โดยไทยได้รับชัยชนะในการรบ 22 วัน จากนั้นญี่ปุ่นซึ่งเป็นมหาอำนาจในเอเชียอยู่ในขณะนั้นได้เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้ฝรั่งเศสคืนจังหวัดไชยบุรีจำปาศักดิ์ เสียมราฐ และพระตะบองให้ไทย โดยการทำอนุสัญญาโตเกียว เป็นผลให้ช่วงนี้ปราสาทเขาพระวิหารกลับมาอยู่ในเขตแดนไทยอีกครั้ง

         โชคไม่ดีที่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยตัดสินใจประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น ซึ่งท้ายที่สุดเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เพื่อ ‘เอาตัวรอด’ ไม่ให้เป็นฝ่ายแพ้สงครามตามญี่ปุ่น รวมทั้งแลกกับสิทธิ์ที่จะได้เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

         ไทยจึงตกลงคืนดินแดน 4 จังหวัดให้กับฝรั่งเศสก่อนที่ฝรั่งเศสจะแพ้สงครามกับเวียดนามในสมรภูมิเดียนเบียนฟู ในปี พ.ศ. 2497 จนต้องถอนทหารออกจากอินโดจีน เป็นผลให้กัมพูชาได้รับเอกราชตามสนธิสัญญาเจนีวา ไทยจึงส่งกองทหารเข้าไปรักษาการบริเวณปราสาทเขา
พระวิหารเอาไว้

         เรื่องราวมาถึงจุดวิกฤติในปีพ.ศ. 2501 เมื่อเจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์กัมพูชาสละราชสมบัติเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเรียกร้องให้ไทยคืนปราสาทเขาพระวิหาร แต่ไทยปฏิเสธ เจ้านโรดมสีหนุจึงประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย พร้อมๆ กันกับที่ในกัมพูชาเกิดการประท้วงให้ไทยคืนปราสาทเขาพระวิหาร และในไทยก็มีการเคลื่อนไหวประท้วงตอบโต้กัมพูชาเช่นเดียวกันจนวันที่ 6 ตุลาคม 2502 รัฐบาลเจ้านโรดมสีหนุแห่งกัมพูชา ภายใต้การหนุนหลังของฝรั่งเศสก็ได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก หลังจากสู้คดีกันยาวนานสองปีกว่า ในวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลโลกก็ได้ตัดสินให้อธิปไตยเหนือตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชาด้วยคะแนน 9 ต่อ 3 เสียง