Sunday, May 19, 2024
เที่ยวไปรักษ์ไป บทความแนะนำ

ฟาร์มตาเล็ก…มาแล้ว เด็กจะรักษ์

นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 17
เรื่อง: ฬียากร เจตนานุศาสตร์
ภาพ: สายลม นัยยะกุล

ฟาร์มตาเล็ก…

มาแล้ว เด็กจะรักษ์

เปรมฤดี พันธุ์รัตน์ คือหลานสาวคุณตาเล็ก เจ้าของ Farm de Lek หรือฟาร์มตาเล็ก แห่งนี้ จากที่ดิน ๔๔ ไร่ ที่เคยเป็นสวนผลไม้แถวคลองรังสิต-นครนายก ก่อนจะถูกทิ้งร้างไปหลายสิบปีเพราะไม่มีใครดูแลจนกระทั่ง…

จุดเริ่มต้นของการทำฟาร์ม

แรงบันดาลใจของการได้ใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีการดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดีในต่างประเทศบวกประสบการณ์วัยเยาว์ที่เคยตามติดคุณตามาใช้ชีวิตวันหยุดในสวนมาก่อน ทำให้คุณเก๋-เปรมฤดี พันธุ์รัตน์ ตระหนักถึงความต้องการของเด็กๆ ที่เริ่มตั้งแต่ลูกทั้งสามคนของตนเอง เพื่อนๆ ลูก และเด็กในสังคมที่ควรจะได้มีพื้นที่ดีๆ เพื่อสร้างสรรค์ ต่อยอดจินตนาการ พัฒนาบางส่วนที่ขาดหายไปจากการใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมือง และได้มาใช้เวลาใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

สิ่งต่างๆ ที่คิดไว้เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเมื่อราว ๓ ปีก่อน ที่คุณเก๋และครอบครัวย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวร และเริ่มมองหาพื้นที่สำหรับการได้ใช้เวลาใกล้ชิดธรรมชาติ ให้เด็กๆ ได้สัมผัสการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมดีๆ มีการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ได้เล่นไปพร้อมๆ เรียนรู้ แบบที่เคยเป็นเมื่อครั้งเคยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศสุดท้ายก่อนย้ายกลับมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลับมาทำฟาร์มแห่งนี้ ที่เธอสอนให้ลูกๆได้รับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาด้วยน้ำมือตัวเองด้วยเช่นกัน

และนั่นคือที่มาสำคัญของการก่อร่างสร้างฟาร์มแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิต เพื่อให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ต่างไปจากในเมืองโดยสิ้นเชิง เพราเมื่อก้าวเข้ามาที่นี่ทุกอย่างมีกฎ ระเบียบ มีกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ไปโดยปริยายถึงการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้แยกขยะ สอนให้รู้จักต้นไม้เพื่อให้รักธรรมชาติ หรือการให้อาหารสัตว์ที่ต้องลงมือคลุกเคล้าอาหารด้วยมือตัวเองเพื่อให้มีการสัมผัส การลงมือทำอย่างจริงจัง คุณเก๋บอกว่า ทุกอย่างที่ทำมาจากประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับมาในชีวิตทั้งสิ้น “โดยมีลูกเป็นตัวแปรสำคัญ และสังคมที่เปลี่ยนไปประสบการณ์ เป็นแบบอย่าง ลูกเป็นแรงบันดาลใจ สังคมที่เปลี่ยนไปเป็นแรงผลักดันเพราะเราย้อนมองกลับไป เรามีความทรงจำในวัยเด็กเยอะมาก แต่เด็กเดี๋ยวนี้สิ คงไม่มีแล้ว เราเลยอยากทำให้เด็กได้มีพื้นที่ตรงนี้เพื่อมาใช้ชีวิต แม้เป็นเพียงชั่วครั้งคราว แต่อย่างน้อยเขาจะได้มีอะไรบางอย่างคอยสะกิดติดตัวกลับไป”

หลากหลายกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล

มีอะไรบ้างในฟาร์มตาเล็ก

ไม้เล็กดัดง่าย พอไม้ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็ดัดยากขึ้น นี่คือสิ่งที่เป็นวิถีแห่งการดำเนินการในฟาร์มนี้ เมื่อคุณเก๋เห็นได้ชัดว่าเด็กๆที่สมัครเข้ามาทำกิจกรรม ซึ่งมีทั้งแบบเดย์โปรแกรมเช้าไป-เย็นกลับ และแบบแคมปิ้งพักค้างคืนเพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่เด็กสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งมีให้เลือกเป็นแคมป์ฟาร์มเมอร์มีกิจกรรมปลูกต้นไม้ ทำความรู้จักพืชผักในฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ การเกษตรทุกอย่าง แคมป์ทำอาหาร ก็จะเรียนรู้การทำอาหารที่ใช้วัตถุดิบในฟาร์ม ให้เด็กๆ คิดเมนูจากสิ่งที่มีอยู่ และหากต้องการอะไรเพิ่มก็พาไปหาซื้อเพื่อเป็นการเรียนรู้ว่าอาหารที่กินนั้นมีความเป็นมาอย่างไรตั้งแต่กระบวนการต้นๆตั้งแต่เกษตรกรปลูกเลยทีเดียว หรือถ้าเด็กที่ชอบม้า อยากขี่ม้าเป็นพิเศษ ก็มีแคมป์เรื่องม้า ซึ่งที่ฟาร์มจะให้ความรู้ตั้งแต่การดูแลม้า ให้อาหารม้า พาม้าเข้าคอก ไม่ใช่แค่ขี่สนุกๆ เฉยๆ เพราะนี่คือฟาร์มที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาเรียนรู้ไปพร้อมประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไว้ใช้เป็นแรงบันดาลใจในเรื่องอื่นๆต่อไป

เล่นจริงจับจริง เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
เด็กๆ จะได้เรียนรู้การเก็บไข่จากแม่ไก่ด้วยตัวเอง และสามารถนำกลับบ้านไปได้ด้วย
คุณเก๋ เจ้าของฟาร์ม ด้านหลังเธอคือบ้านต้นไม้ที่เด็กๆ ชอบมาก

คุณเก๋บอกว่า เหตุผลที่ต้องให้เด็กๆได้มีโอกาสทำกิจกรรมเหล่านี้เพราะ… “เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเราได้เห็นผลของเด็กที่เติบโตในยุคนี้ที่ส่วนใหญ่ไม่มีความอดทนไม่รู้จักที่มาที่ไปของสิ่งต่างๆ ไม่มีความลึกซึ้งในการมองเห็นถึงคุณค่าสิ่งเล็กๆ น้อยๆเราต้องสร้างสมดุลให้เขา ให้เขาฝึกความรับผิดชอบ และเราเข้าใจว่าประสบการณ์ของเด็กจำเป็นต้องหลากหลาย เราอยากให้เด็กคนอื่นได้เรียนรู้ในสิ่งที่ลูกเราได้เรียนรู้ด้วยเพราะสภาวะแวดล้อมในช่วงที่เด็กเติบโตมาสำคัญมาก เราเห็นผลในสิ่งที่ลูกเราได้รับมาว่าดี ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม จึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์กับเด็กคนอื่นๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมและได้พัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อนำไปต่อยอดด้วย”

ในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งต่างๆ คุณเก๋ บอกว่าเธอให้ความสําคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกัน “ภายในฟาร์ม เราอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมค่อนข้างจริงจังมาก ทุกอย่างเราพยายามลดขยะ ต้มน้ําสมุนไพร เสิร์ฟเอง วัตถุดิบเราก็นํามาจากที่ปลูกไว้ ในฟาร์ม ตอนนี้ทําไอศกรีมหลอดจากน้ํา สมุนไพรด้วย เด็กๆ ก็ชอบ ถุงเพาะชําเราก็ ใช้ขวดน้ําที่ใช้แล้วมารีไซเคิล แก้วน้ําที่ใช้ สําหรับเด็กๆ และผู้ปกครอง เราก็จะจํากัด ปริมาณการใช้เพื่อไม่ให้มีขยะมากเกินไป หรือคลุกอาหารมือเมื่อก่อนยังมีถุงมือยาง ให้ใส่

เรียนรู้จักพืชผักในแปลงที่มาก่อนจะกลายเป็นอาหาร

แต่เดี๋ยวนี้เราก็ไม่ใช้ รวมทั้งเรื่องของ ระเบียบวินัยต่างๆ ที่เราคิดว่าจะดีต่อส่วน รวม เราก็จะบอกทุกคนที่มาให้ช่วยทําตาม กฎของที่นี่ เพราะฟาร์มนี้ไม่ใช่อยู่ๆ ใครจะ เดินเข้ามาเที่ยวเองได้ ต้องมีการสมัครเข้ามาและยอมรับในกฎระเบียบของเรา เพราะ เราต้องการให้ที่นี่เป็นที่ปลูกฝังสิ่งดีๆ ที่ถ้าเป็นไปได้ อย่างน้อยเขาได้อะไรกลับไปแล้วทําให้เขาเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นได้ ก็จะเป็น สิ่งดีต่อสังคมเราต่อไป นี่คือสิ่งที่เรามุ่งหวัง อยากให้เป็น”

ความทรงจําและประสบการณ์วัยเยาว์ ของคนหนึ่ง ทําให้เกิดความคิดและความฝัน ที่จะสร้างสรรค์สังคมอย่างมุ่งมั่น แม้เป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่เราว่าฟาร์มตาเล็กแห่งนี้ เมื่อได้มาแล้ว เด็กๆ จะรักษ์ และได้ ประสบการณ์ที่มีค่ากลับไปอย่างแน่นอน

ปาฏิหาริย์ต้นไม้ใหญ่กั้นแนวไฟ

หลังจากที่เราไปถ่ายภาพที่ฟาร์มตาเล็ก ผ่านมาได้ราว 2 สัปดาห์ เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ ได้ข่าวว่ามีไฟไหม้รอบๆ ฟาร์ม เป็นบริเวณ ทุ่งหญ้าแห้งที่ไม่ได้น้ํามาหลายเดือนจากความแห้ง แต่ก็ไม่แน่ว่า สาเหตุที่ทําให้เพลิงลุกไหม้นั้นอาจมาจากมีใครสูบบุหรี่แล้วเขี่ยทิ้งไว้ สะเก็ดไฟเพียงนิดเดียวก็มากพอที่จะทําให้หญ้าแห้งๆเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี บวกกับแรงลมพายุที่ช่วยกระพือให้ไฟลุกโหมขึ้นสูงท่วมลงหญ้า ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อฟาร์มตาเล็กอยู่ติดกับกองเพลิงนั้นแค่ชั่วแนวไม้ใหญ่กั้น

เราสอบถามไปยังคุณเก๋เจ้าของฟาร์ม ด้วย ความเป็นห่วงว่าที่ฟาร์มได้รับความเสียหายหรือไม่ คุณเก๋บอกว่า “ฟาร์มเรารอดมาได้ด้วย ปาฏิหาริย์” และขยายความว่า ปฏิหาริย์จาก ต้นไม้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพะยูน ก้ามปู แคนา และ ต้นตะกู โดยเฉพาะต้นหลังนี้โดนไฟลามเลียจน ใบดําาไปบางส่วน กระนั้น ไม้ใหญ่เหล่านี้คือแนวกันไฟอย่างดีที่ ช่วยให้ฟาร์มรอดจากเพลิงพายุใน ครั้งนี้ และอาจมีปาฏิหาริย์จาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยหรือไม่ก็ไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่คุณเก๋บอกว่ามีคนงานเห็นลูกไฟดวงโตถูกลมหอบและปลิวข้ามฟาร์มไป ตกในพื้นที่ข้างๆ แต่ก็โชคดีที่ที่ผืนนั้นมีต้นไม้ใหญ่ๆ อยู่บ้าง ทําให้ไฟไม่รุนแรงมากเหมือนทุ่งหญ้าอีกด้าน

หลังจากช่วยกันดับไฟและรถดับเพลิงมา ควบคุมได้ ความเสียหายที่ฟาร์มตาเล็กได้รับจึงมีเพียงไม้ใหญ่บางต้นที่ใบไหม้เกรียม และภาพทุ่งหญ้ารอบๆ ที่เคยเป็นวิวสวยงามเหลือเพียง ชากดําๆ จากกองเพลิงที่ทิ้งรอยไว้

เราว่านี่คือปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์จากต้นไม้ ใหญ่ที่ช่วยสกัดเพลิงไว้ได้ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยปกป้องใครบางคนที่รักษาต้นไม้ไว้อย่างดีไม่รู้สิ…สําหรับเรื่องนี้ เราเชื่อว่าปฏิหาริย์มีจริง

รู้ไว้ก่อนไปฟาร์ม

  • สําหรับเดย์โปรแกรม เด็กที่จะมาได้ ควร อายุตั้งแต่ ๓-๑๓ ปี และมีผู้ปกครองมาร่วม สังเกตการณ์ด้วยได้ โปรแกรมเริ่มตั้งแต่ ประมาณ ๔.๓๐ – ๑๕.๓๐ น. มีกิจกรรม ให้ทําตลอดช่วงเช้า พักรับประทานอาหาร กลางวัน และช่วงบ่ายคือช่วงของการเล่น ที่มี ทั้งบ้านต้นไม้ บ่อน้ําธรรมชาติลงเล่นได้ เรือแจว เรือพาย เรือถีบ สนามหญ้าวิ่งเล่น มุมเล่นขายของ และรถเอทีวี เป็นช่วงปล่อย อิสระที่ให้เด็กได้เล่นอย่างเต็มที่ไปพร้อมกับ เรียนรู้ที่จะระมัดระวังตัวไปด้วย
  • มีเอกสารข้อควรระวังที่ทางฟาร์มจะส่ง ให้อ่านก่อนเดินทางมา ผู้ปกครองควรทําความเข้าใจด้วย
  • เปิดใจ เข้าใจ เรียนรู้ และกล้าลองใน สิ่งแปลกใหม่ คือสิ่งที่ทั้งเด็กและผู้ปกครอง จะได้สัมผัสร่วมกัน
  • ในส่วนของการเข้าแคมป์ จะแบ่งเป็นธีม ให้เด็กได้เลือกสิ่งที่ชอบและมารวมกลุ่มกัน เด็กที่มาควรมีอายุระหว่าง ๘-๑๓ ปี และมา เฉพาะเด็ก ไม่มีผู้ปกครอง โปรแกรมนี้จะมี ในช่วงปิดเทอม ส่วนเดย์โปรแกรมมีทุก วันเสาร์-วันอาทิตย์
  • ทุกขบวนการคือการเรียนรู้ทุกก้าว เดินมีประสบการณ์ ทุกการล้มพลาดคือการ ฝึกความอดทนที่จะเริ่มต้นใหม่ ประสบการณ์ เล็กๆ มีค่ามากกว่าที่คิด ทุกการเติบโตล้วน ต้องผ่านบาดแผล บางทีอาจถึงเวลาที่เด็กๆเองก็ต้องก้าวให้พ้นออกมาจากคอมฟอร์ตโชนกันบ้าง เพื่อสิ่งมีค่าที่เขาจะหาไม่ได้จากศูนย์การค้าหรือในห้องนั่งเล่น

About the Author

Share:
Tags: สิ่งแวดล้อม / สัตว์เลี้ยง / สัตว์ / ฟาร์ม / ต้นไม้ / ฉบับที่ 17 / ฟาร์มตาเล็ก /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ